ปิดฉากสัปดาห์นี้ด้วยเรื่อง “เบาๆ” ...แต่คงหนีไม่พ้นต้องเบาแบบ “โหวงๆ เหวงๆ” กันอีกนั่นแหละทั่น!!! โดยเฉพาะสำหรับพวกแฟนกีฬา หรือคอกีฬาทั้งหลาย ด้วยเหตุเพราะการแพร่ระบาดของท่านเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ลากยาวว์ว์ว์มาเป็นปีๆ แต่ยังไม่ทำท่าว่าจะหัวตก หรือเหี่ยวปลาย ลงไปเลยแม้แต่น้อย ย่อมส่งผลให้บรรดาคอกีฬา แฟนกีฬา ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเทนนิส ฟุตบอล ไปจนถึงมหกรรมกรีฑง กรีฑา โน่นเลย ฯลฯ หนีไม่พ้นต้องโหวงๆ เหวงๆ แห้งแล้วแห้งอีก แห้วแล้วแห้วอีก อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้เลย...
คือแม้แต่รายการเทนนิสระดับ “แกรนด์สแลม” อันสุดแสนจะคลาสสิกอย่าง “เฟรนช์ โอเพน” ของฝรั่งเศส ที่หวดกันไป-หวดกันมา ใกล้จะถึงช็อตสุดท้ายอีกไม่นานนับจากนี้ แต่ไม่ว่าใครที่มีโอกาสได้ชม ได้ดู การ “ถ่ายทอดสด” การหวด การตี ช่วงกลางคืน หรือ “night session” ในแต่ละวันที่ผ่านมา คงน่าจะเกิดอารมณ์-ความรู้สึกในแบบ “รำพึงในป่าช้า” หรือ “วังเอ๋ย-วังเวง...หง่างเหง่งย่ำค่ำระฆังขาน” อยู่พอสมควร ด้วยเหตุเพราะสนามทั้งสนาม ที่เคยเต็มไปด้วยกองเชียร์ชาวฝรั่งเศสผู้พร้อมออกอาการ “ถ่อย” ต่อใครและใครได้เสมอ เคยแหกปาก กู่ก้องร้องตะโกน มาโดยตลอด แต่มาถึงทุกวันนี้กลับเป็นอะไรที่เงียบกริบ เงียบสนิทติดทนนาน ชนิดนักเทนนิสแต่ละรายอาจหวดไป-ขนลุกไป เพราะเผลอๆ...อาจต้องเจอกับ “ผีหลอกวิญญาณหลอน” ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ เนื่องจากแทบไม่มีกองเชียร์แม้แต่รายเดียว ได้รับอนุญาตให้โผล่เข้าไปในสนาม เพราะรัฐบาลฝรั่งเศสเขาได้ตัดสินใจ “ล็อกดาวน์” หรือประกาศ “เคอร์ฟิว” เอาไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของท่านเชื้อไวรัสโควิด-19 ท่านนั่นแหละ อะไรต่อมิอะไรมันเลยโหวงๆ เหวงๆ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ...
และแม้กระทั่งวันนี้ (11 มิ.ย.) ถ้าเป็นสมัยก่อนๆ ที่ท่านเชื้อโควิด ท่านยังไม่ได้ออกฤทธิ์ ออกเดช ไม่ว่าจะเป็นแฟนบอลระดับโลก หรือระดับเมืองไทยก็ตามที น่าจะกรี๊ดๆ กร๊าดๆ ซู๊ดๆ ซ๊าดๆ กันไปแทบจะทั่วทั้งโลก อันเนื่องมาจากถึงกำหนดการที่บรรดา “นักฟุตบอลทีมชาติ” ของทวีปยุโรป เขาจะได้เวลาลงฟาดแข้ง โม่แข้ง อย่างเป็นทางการ เพื่อชิงแชมป์ “ยูโร-2020” ที่ถูกเลื่อนมาจากเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว มาเป็นวันที่ 11 มิ.ย.- 11 ก.ค.ปีนี้ (2021) คือรายการโม่แข้ง ฟาดแข้ง ของบรรดาทีมชาติฟุตบอลยูโรนั้น ถือกันว่า...พอๆ กับ “น้องๆ ฟุตบอลโลก” อะไรทำนองนั้น คือเต็มไปด้วยนักเตะดังๆ จากอิตาลี อังกฤษ เยอรมนี สเปน ฯลฯ ลงแข่ง ลงเล่น กันแบบฟูลทีม ครบทีม ชนิดบรรดาสปอนเซอร์ต้องแย่งคิว จองคิว รอการ “ถ่ายทอดสด” จนไม่ว่าราคาค่าถ่ายทอด จะปาเข้าไปเป็นพันๆ ล้าน บรรดานักธุรกิจที่หากินกับแฟนบอล คอบอล ก็ไม่เคยคิดจะยั่นเอาเลยแม้แต่น้อย...
แต่มาคราวนี้...โดยสีสันบรรยากาศ มันออกจะแห้ง...กับ...แห้ง ไม่ว่าผู้ชม ผู้ดู หรือผู้คิดจะถ่ายทอดสดก็ตามที คือนอกจากจะไม่มีการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ อย่างเป็นที่เอิกเกริกเหมือนก่อนๆ แม้แต่วันนี้ ณ วินาทีนี้ ก็ยังแทบไม่รู้ว่าบรรดาคอบอล แฟนบอลบ้านเรา จะมีโอกาสได้ดู ได้ชม กันในแบบไหน? ช่องไหน? จะด้วยเหตุเพราะการลงเตะ ลงโม่แข้ง ในแต่ละนัด แต่ละทีม มันคงไม่ต่างไปจากการแข่งกีฬาอื่นๆ คือไม่อาจอนุญาตให้บรรดา “กองเชียร์” ที่เป็นตัวสร้างสีสัน สร้างความเร้าใจ มีโอกาสโผล่เข้าไปแหกปากในสนามได้เหมือนเดิม อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของท่านเชื้อไวรัสโควิดอีกนั่นแหละ อีกทั้งแม้จะเลื่อนการเตะจากปีที่แล้ว มาเป็นปีนี้ วันนี้ แต่โดยสภาวะความปลอดภัย หรือการเสี่ยงต่อการติดเชื้อ แพร่เชื้อ หรือไม่อย่างไร ก็แล้วแต่ เลยต้อง “กระจายความเสี่ยง” จากที่เคยจัดแข่งขันกันในสนามของชาติหนึ่ง ชาติใด สองชาติ สามชาติ กลับต้องปล่อยให้แยกย้าย กระจัดกระจายการเตะออกไปถึง 11 ชาติ เตะกันในอังกฤษ เยอรมนี อาเซอร์ไบจาน รัสเซีย อิตาลี เดนมาร์ก โรมาเนีย ฮอลแลนด์ สเปน ฯลฯ หรือต้องไป “เสี่ยงดวงกันเอาเอง” ตามประสิทธิภาพ สมรรถภาพ ในการป้องกัน ดูแล การแพร่เชื้อ ติดเชื้อ ของแต่ละรายไปตามสภาพ...
แต่ที่หนักกว่านั้น...น่าจะเป็น “โคปา-อเมริกา” ฟุตบอลละตินฯ ที่ว่าไปแล้ว โดยศิลปะของการเล่น การรุก การถอย น่าจะ “คลาสสิก” กว่าบอลยุโรปด้วยซ้ำ ซึ่งมีกำหนดลงเตะ ลงโม่แข้ง กันในวันอาทิตย์ (13 มิ.ย.) ที่จะถึงนี้ โดยจะลากยาวไปถึงวันที่ 11 ก.ค.ก็จะรู้ว่าใครเป็นแชมป์ แต่ไปๆ-มาๆ...นอกจาก “เจ้าภาพ” อย่างโคลัมเบีย จะถูกสหพันธ์ฟุตบอลอเมริกาใต้ หรือ “COMMEBOL” ถอดออกจากการเป็นเจ้าภาพไปเมื่อไม่นานมานี้ เพราะเจอกับความไม่สงบ เจอเหตุการณ์ประท้วงชนิดผู้คนล้มตายไปเป็นสิบๆ ราย แต่เจ้าภาพอีกรายและอาจถือเป็นเจ้าภาพหลักเอาเลยก็ว่าได้ คือ “อาร์เจนตินา” ที่ได้ชื่อฉายาว่ามหาอำนาจลูกหนังแห่งอเมริกาใต้ จู่ๆ...ก็ดัน “ถอดใจ” ซะดื้อๆ!!! ด้วยเหตุเพราะดันต้องเจอกับการแพร่ระบาดของท่านเชื้อไวรัสโควิดอีกนั่นแหละ ชนิดเล่นเอาแฟนบอลฟ้า-ขาวติดเชื้อกันไปวันละ 30,000 รายเป็นอย่างน้อย รัฐบาลอาร์เจนตินา เลยต้องตัดสินใจถอนตัว หรือประกาศงดเป็นเจ้าภาพไปเป็นที่เรียบร้อย...
แม้จะมี “ข่าวล่า-มาเรือ” ว่าประเทศมหาอำนาจลูกหนังแห่งอเมริกาใต้อีกราย คือ “แซมบ้า-บราซิล” ที่ผู้นำประเทศอย่าง “นายฌาอีร์ โบลโซนาโร” ค่อนข้าง “บ้า” เอาเรื่อง พอๆ กับอดีตผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” จนได้ชื่อ ฉายา ว่า “ทรัมป์ 2” อะไรประมาณนั้น เคยถึงขั้นใส่เสื้อแดง โดยไม่แขวนกระดิ่ง แต่ไม่ใส่หน้ากาก ไปยืนแอ่นระแน้อยู่กลางฝูงชน ท้าทายเชื้อโควิดมาก่อนหน้านี้ จนติดเชื้อแทบเป็น-แทบตายมาแล้วหนึ่งหน จะออกมาป่าวประกาศว่าบราซิลพร้อมที่จะรับอาสาเป็นเจ้าภาพเองก็เถอะ แต่เมื่อเจอกับการประท้วงของชาวแซมบ้า ที่แม้ว่าจะรัก จะหลงใหลกีฬาฟุตบอลกันยังไงก็ตามที แต่เมื่อเจอกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในบราซิล ปาเข้าไปถึง 16.9 ล้านคน ตายไปแล้วกว่า 470,000 คน ตามหลังอเมริกาและอินเดียมาติดๆ การออกมาคัดค้านไม่ให้บราซิลรับเป็นเจ้าภาพแทนอาร์เจนตินา และยื่นเรื่องราวให้ศาลสูงบราซิลชี้วัด ตัดสิน เห็นว่า...เมื่อวัน-สองวันนี้ ศาลบราซิลได้รับคำร้องไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะยอมให้จัด-ไม่ยอมให้จัด ก็ยังคงต้องลูกผี-ลูกคน จนอาจจัดไม่ได้เอาเลยก็ไม่แน่!!! ด้วยเหตุนี้...บรรดาแฟนบอลละตินฯ ทั้งหลาย เลยอาจต้องแห้ง...กับ...แห้ง หรือแห้ว...กับ...แห้ว อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้...
ส่วน “โอลิมปิกญี่ปุ่น” หรือมหกรรมโตเกียว โอลิมปิกและพาราลิมปิก...ที่ยังลูกผี-ลูกคน อยู่จนตราบเท่าทุกวันนี้ แม้ว่าคณะกรรมการ “IOC” หรือคณะโอลิมปิกสากล จะพยายามเดินหน้ากะจะเอาให้ได้ จัดให้ได้ ภายในวันที่ 23 กรกฎาคม ไปจนถึงวันที่ 8 สิงหาคม ตามกำหนดการที่เลื่อนมาจากปีที่แล้ว แต่ก็นั่นแหละ...เสียงคัดค้านจากชาว “ซามูไร” จำนวนถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ก็ทำให้คณะกรรมการ “IOC” น่าจะ “ดื้อตาใส” ลำบากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ความพยายามที่จะไล่ฉีด ไล่จิ้ม ไล่ทิ่มวัคซีนให้กับพลเมืองญี่ปุ่น ยุ่นปี่ ในทุกวันนี้ ต้องเรียกว่า...หนักหน่วงรุนแรง ยิ่งกว่าบ้านเราแบบคนละเรื่อง คนละม้วน คือไม่คิดจะรอคิว จองคิวใดๆ อีกต่อไปแล้ว ระดมฉีด ระดมจิ้ม กันชนิดชุลมุน-ชุลเก จากที่เคยฉีดได้แค่ 3.5 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนประชากร 126 ล้านคน แต่ในช่วงอีกแค่ไม่ถึง 30 วันนับจากนี้ จะต้องฉีดให้ได้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ หรือต้องยัดเยียดวัคซีนยี่ห้อใดๆ ก็แล้วแต่ ให้กับชาวยุ่นไม่น้อยกว่า 36 ล้านคนเป็นอย่างน้อย...
แต่ก็นั่นแหละ...แม้จะมีวัคซีนสักกี่ล้านต่อกี่ล้านโดสอยู่ในมือก็แล้วแต่ แต่การที่ต้องเจอกับ “กองทัพนักกีฬาโอลิมปิก” จำนวนไม่น้อยกว่า 15,000 คน ที่ยังพร้อม “กล้าเสี่ยง” เข้ามาออกเรี่ยว ออกแรง ในญี่ปุ่น รวมทั้งบรรดาทีมงาน เจ้าหน้าที่สปอนเซอร์ ฯลฯ อีกไม่น่าจะต่ำกว่า 100,000 คน รวมทั้งบรรดานักข่าวอีกไม่น้อยกว่า 200 ประเทศ ที่คงต้องตามเข้ามาทำข่าวนักกีฬาของตัวเองด้วย ฯลฯ เพียงเท่านี้...ก็อาจต้องชักซามูไรออกมาคว้านท้องตัวเองเอาดื้อๆ!!! หรือทำให้มหกรรมกีฬาโอลิมปิก หรือกีฬาใดๆ ก็ตาม ล้วนแล้วแต่เป็นอะไรที่สุดแสนจะ “วังเอ๋ยวังเวง-หง่างเหง่งย่ำค่ำระฆังขาน” สำหรับบรรดาแฟนๆ หรือบรรดาคอกีฬาทั้งหลาย ไม่ใช่...กีฬา-กีฬา เป็นยาวิเศษ ที่สามารถเอาชนะท่านเชื้อไวรัสโควิดได้เสมอไป...
https://ift.tt/3wczHus
กีฬา
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ถึงจังหวะที่...กีฬา-กีฬา ไม่ใช่ยาวิเศษ - ผู้จัดการออนไลน์"
Post a Comment