Search

อาลัย "ต้อย-เศรษฐา" "มะเร็งปอด" คร่าในวัย 77 ปี ตํานานนักร้อง-นักแสดง (คลิป) - ไทยรัฐ

ดาวลับอีกดวง วงการบันเทิงสุดเศร้า ร่วมอาลัยสูญเสียศิลปินแห่งชาติ นักร้องนักแสดงอาวุโสระดับตำนาน “อาต้อย-เศรษฐา ศิระฉายา” มะเร็งปอดคร่าชีวิตด้วยวัย 77 ปี หลังต่อสู้กับโรคร้ายมานานร่วม 3 ปี ถึงแม้หัวใจจะสู้แต่มะเร็งระยะ 4 ลามไปอวัยวะอื่น สุดท้ายร่างกายยื้อไม่ไหวจากไปอย่างสงบ พระราชทานน้ำหลวงอาบศพวันที่ 21 ก.พ. ตั้งสวดอภิธรรม 7 คืน ณ ศาลา 1 วัดเทพศิรินทราวาส เก็บศพไว้บำเพ็ญกุศล 100 วัน ก่อนขอพระราชทานเพลิงศพ

วงการบันเทิงไทยสูญเสียบุคลากรอันทรงคุณค่า “อาต้อย เศรษฐา” เมื่อวันที่ 20 ก.พ. นักร้องนักแสดงพิธีกรอาวุโสชื่อดังระดับตำนานและศิลปินแห่งชาติ ต้อย-เศรษฐา ศิระฉายา ได้จากไปอย่างสงบ เมื่อเวลา 04.41 น.ที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ด้วยโรคมะเร็งปอด สิริรวมอายุ 77 ปี ทั้งนี้ จากการแจ้งข่าวเศร้าของอี๊ฟ-พุทธธิดา ศิระฉายา ลูกสาวคนเดียวของเศรษฐา ได้โพสต์ในอินสตาแกรมส่วนตัวเป็นภาพพระอาทิตย์ท่ามกลางท้องฟ้าสีหม่นพร้อมกับข้อความว่า “4.41” เป็นเวลาของพ่อต้อยจากไปอย่างไม่มีวันกลับ มีศิลปินดารานักร้องมากมายต่างเข้ามาเขียนข้อความแสดงความเสียใจและร่วมไว้อาลัยจำนวนมาก

นายชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กล่าวว่า ต้อย-เศรษฐาเป็นศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยสากล-ขับร้อง) พุทธศักราช 2554 ทายาทได้ขอพระราชทานน้ำหลวงอาบศพในวันที่ 21 ก.พ. เวลา 17.30 น. ณ ศาลา 1 วัดเทพศิรินทราวาส และกำหนดสวดพระอภิธรรมศพระหว่างวันที่ 21-27 ก.พ. เวลา 19.00 น. ทายาทจะเก็บศพไว้บำเพ็ญกุศล 100 วันและ สวธ.จะดำเนินการขอพระราชทานเพลิงศพต่อไป ทั้งนี้ สวธ.ได้มอบเงินช่วยเหลือเมื่อเสียชีวิตเพื่อร่วมบำเพ็ญกุศลศพ 20,000 บาท และเงินช่วยเหลือค่าจัดทำหนังสือเพื่อเผยแพร่ผลงานเมื่อเสียชีวิตเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 150,000 บาท และขอพระราชทานเพลิงศพให้ตามระเบียบสวัสดิการของศิลปินแห่งชาติ

สำหรับอาการป่วยของต้อย-เศรษฐา เริ่มจากตรวจพบเชื้อมะเร็งที่ปอดเมื่อปี 2562 เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลจนอาการดีขึ้นและสามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้อีกครั้ง โดยเป็นผู้จัดละครทางช่อง 7 และรับงานแสดงบ้างประปราย จนเมื่อเดือน เม.ย.64 เศรษฐาติดเชื้อโควิด-19 และพบว่าเชื้อลงปอด ทำให้ทุกฝ่ายรู้สึกเป็นห่วงเนื่องจากโรคมะเร็งปอดเริ่มกลับมาอีกครั้ง และเพิ่งจะเข้ารับการคีโมยังไม่ถึง 1 เดือน ทำให้ร่างกายยังอ่อนแอ แต่ด้วยการดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ และได้รับกำลังใจจากครอบครัวและเพื่อนๆ ทำให้หายจากอาการป่วยโควิด-19 อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา เศรษฐาต้องกลับเข้ารับการรักษาด้วยคีโมอีกครั้ง เนื่องจากพบว่าอาการป่วยโรคมะเร็งอยู่ในระยะที่ 4 และมีการกระจายไปยังอวัยวะส่วนอื่น ต้องปรับแผนการให้ยาใหม่ ทำให้มีผลข้างเคียงรับประทานอาหารไม่ค่อยได้ ต้องให้อาหารทางสายยาง แม้ร่างกายจะอ่อนแอแต่หัวใจยังสู้เพราะมีกำลังใจดีจากภรรยาและลูกสาว อีกทั้งยังมีหลานชายตัวน้อยคือ น้องมีบุญ ด.ช.ศักดาพร ศิระฉายา ที่คุณตารักปานแก้วตาดวงใจ แต่สุดท้ายร่างกายสู้ไม่ไหว กระทั่งหมดลมหายใจจากไปอย่างสงบ ท่ามกลางความอาลัยรักของคนในครอบครัว คนวงการบันเทิง และคนไทยที่ได้รับความบันเทิงของศิลปินอาวุโสท่านนี้มาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในอินสตาแกรมส่วนตัวของอี๊ฟ-พุทธธิดา ศิระฉายา ลูกสาวของเศรษฐา เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯให้คุณจันทนี ธนรักษ์ เป็นผู้แทนพระองค์ พระราชทานแจกันดอกไม้และกระเช้าของเยี่ยมให้แก่คุณพ่อเศรษฐา ศิระฉายา ศิลปินแห่งชาติด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้ ข้าพเจ้า นายเศรษฐา ศิระฉายา และครอบครัว จักเทิดทูนพระมหากรุณาธิคุณไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมด้วยความจงรักภักดี”

นอกจากนี้ในวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา อี๊ฟ-พุทธธิดายังโพสต์คลิป “น้องมีบุญ” ลูกชายตัวน้อยเข็นรถวีลแชร์ให้คุณตาต้อยในโรงพยาบาล พร้อมข้อความ “บุรุษพยาบาลน้อยขยันมาก พยาบาลบอกตกใจนึกว่ารถเลื่อนได้เอง ไม่เห็นคนเข็น คุณตาหายเร็วๆนะครับ มีบุญซ้อมไว้เข็นคุณตาเที่ยว” เป็นโพสต์ท้ายๆที่ได้เห็นเศรษฐารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลก่อนจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ

ขณะที่อี๊ฟ-พุทธธิดา ศิระฉายา เผยความรู้สึกการสูญเสียครั้งใหญ่ว่า ที่ผ่านมาคุณพ่อต่อสู้กับโรคมะเร็งมาอย่างเข้มแข็งตลอด 2-3 ปีมานี้ ช่วงหลังที่อาการแย่ลงหลักๆเลยคือทานอาหารไม่ได้ แต่ตนพูดกับพ่อว่าสู้ไปด้วยกันนะ พ่อก็บอกว่าจะสู้ ซึ่งพ่อก็สู้จริงๆ พวกเราเป็นกำลังใจ แม่เองเฝ้าอยู่ข้างเตียงดูแลพ่ออย่างใกล้ชิดมากๆ จนเมื่อ 2 วันก่อนพ่อมีนัดคุณหมอจองเตียงไว้ให้ ตนเห็นว่าดีมากพ่อจะได้เข้าไปให้สารอาหารร่างกายจะได้แข็งแรงขึ้น เลยบอกกับพ่อว่าตนจะไปคุยงานที่เกาะเสม็ด พ่อโอเคนะ ปกติแม่จะอยู่ดูแลพ่อก็ขอเอาแม่ไปด้วยกันเพราะที่ผ่านมาแม่เหนื่อยมากอยากให้ได้พักผ่อนบ้าง ตนไปครั้งนี้ไม่คิดว่าจะมีอะไร จนเมื่อตอนเย็นได้รับแจ้งว่าพ่อความดันตกตั้งแต่ตอนบ่ายแล้วก็คอยติดต่อเช็กอาการตลอด จะกลับก็ไม่ได้ต้องรอเรือ จนเมื่อตอนตีสองได้รับแจ้งว่าพ่ออาการไม่ดีได้บอกพ่อทางโทรศัพท์ว่าพ่อไม่ต้องห่วงอะไรนะจะดูแลแม่อย่างดี รู้นะว่าหนูรักพ่อมาก จนเมื่อตี 4 เศษพ่อก็จากไปอย่างสงบ

หลังทราบข่าวเศร้าในโลกโซเชียลมีคนบันเทิงโพสต์ข้อความไว้อาลัยมากมาย อาทิ พิธีกรอาวุโส มยุรา เศวตศิลา เขียนข้อความอาลัยต่อพี่ชายที่เคารพรักว่า “ตั๊กและคุณหนุ่ยจะคิดถึงพี่ชายที่น่ารักของเราคนนี้ตลอดไป” ส่วนนก-จริยา แอนโฟเน่ โพสต์อาลัยรัก “กราบลา พี่ต้อย เศรษฐา ศิระฉายา ด้วยความรัก เคารพและอาลัยอย่างยิ่ง ทุกๆ ผลงานยังตราตรึงอยู่ในใจตลอดไป” พระเอกลิเกชื่อดัง เอ-ไชยา มิตรชัย ได้โพสต์รูปธรรมรัตน์ นาคสุริยะ คู่กับเศรษฐา ศิระฉายา พร้อมข้อความสั้นๆว่า

“กราบลาคุณพ่อทั้งสองท่านด้วยความอาลัยครับ” ในขณะที่โทนี่ รากแก่น โพสต์รูปคู่ที่เคยร่วมงานกับอาต้อย พร้อมยกย่องให้เป็นครูคนแรกในวงการบันเทิง “หนังเรื่องแรกที่ผมได้ร่วมเล่นในฐานะนักแสดงแบบเต็มตัวคือเรื่อง Big Boy เมื่อปี 2008 โดยมีพาร์ตเนอร์คนแรกเป็นอาต้อย เศรษฐา ศิระฉายา ยังจำได้ว่าการแสดงของเรารอดมาได้เพราะมีอาต้อยคอยรับส่งให้อย่างดีตลอด คุณอาคือครูคนแรกในชีวิตการแสดง คอยสอนด้วยวิธีการแสดงให้เห็นเป็นแบบอย่าง ทั้งวิธีการแสดงและวิธีการวางตัวในฐานะมืออาชีพที่แท้จริง”

พระเอกหนุ่ม ป๋อ-ณัฐวุฒิ สกิดใจ เขียนไว้อาลัยว่า “ผมชอบมากเลยตอนอาต้อยเป็นพิธีกรรายการอะคาเดมี แฟนเทเชีย สุขุม นุ่ม ตลก สนุกสนาน คมคาย ร้องเพลงเพราะ ผมแอบหลงใหลการทำหน้าที่พิธีกรของอาต้อยมากๆ ครบรส ครบทุกความรู้สึก กราบลาอาต้อยครับ” ด้าน เกรท-วรินทร ปัญหกาญจน์ อาลัยด้วยข้อความว่า “ขอกราบลาอาต้อยตรงนี้ครับ เคยมีโอกาสได้ร่วมงานกับอา อาน่ารักแล้วก็ใจดีกับผมมากๆ เลย ผมติดตามข่าวเรื่องสุขภาพของอาต้อยมาตลอด ใจหายทุกครั้งที่ได้ยินข่าว หลับให้สบายนะครับอา กราบลาด้วยความเคารพรักครับ” แม้แต่ จา-พนม ยีรัมย์ ก็เขียนข้อความว่า “หนึ่งใจดวงใจ ขอร่วมส่งดวงวิญญาณอาต้อย เศรษฐา ศิระฉายา สู่สรวงสวรรค์ และขอร่วมแสดงความเสียใจกับครอบครัวอาต้อยด้วยครับ” ขณะที่บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ได้โพสต์ข้อความอาลัย “ขอบคุณคุณอาที่รักและเมตตามาตั้งแต่เข้าวงการ วันนี้คุณอาจากพวกเราไปอยู่บนฟ้าแต่คุณอาจะอยู่ในหัวใจและความทรงจำที่มีแต่รอยยิ้มของพวกเราตลอดไป”

ประวัติของต้อย-เศรษฐา ศิระฉายา หรือที่คนในวงการบันเทิงเรียก “อาต้อย” เกิดเมื่อวันที่ 6 พ.ย.2487 ที่กรุงเทพฯ สมรสกับอรัญญา นามวงศ์ นางเอกคู่ขวัญ มีลูกสาวคนเดียวคืออีฟ-พุทธิดา ศิระฉายา อาต้อยมุ่งมั่นการเรียนตั้งแต่เด็ก จบระดับมัธยมที่โรงเรียนวัดบวรนิเวศ ระดับปริญญาตรีที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และจบการศึกษาคณะบริหารธุรกิจ สาขาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี และจบปริญญาเอก คณะรัฐศาสตร์ สาขารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ด้วยความที่มีทักษะด้านการร้องเพลง ต้อย-เศรษฐาได้ร่วมกับวินัย พันธุรัตน์, พิชัย ทองเนียม, อนุสรณ์ พัฒนกุล และ สุเมธ แมนสรวง ก่อตั้งวงดนตรีฮอลิเดย์เจ-3 ขึ้นมา ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นจอยท์ รีแอ็กชั่น และสุดท้ายได้เปลี่ยนชื่อเป็นดิอิมพอสซิเบิ้ล (The Impossibles) ซึ่งเศรษฐาตั้งตามชื่อการ์ตูนชื่อดังของอเมริกาในสมัยนั้น เศรษฐาทำหน้าที่หัวหน้าวงและนักร้องนำออกแสดงตามต่างจังหวัดทั่วประเทศและแสดงประจำที่เพลินจิตอาเขต กรุงเทพฯ ได้รับความนิยมมากในยุค 60s-70s ตลอดระยะเวลาดิอิมพอสซิเบิ้ลสร้างเกียรติประวัติในเส้นทางดนตรีไว้มากมาย โดยเฉพาะการคว้ารางวัลชนะเลิศการประกวดวงสตริงคอมโบของสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยถึง 3 ปีซ้อนคือปี 2512-2515 ต่อมาในช่วงปี 2517 ดิอิมพอสซิเบิ้ลไปแสดงคอนเสิร์ตทัวร์ยุโรปเป็นครั้งแรกที่ประเทศสวีเดนและนอร์เวย์ และในอีก 2 ปีถัดมาก็ทัวร์ยุโรปครั้งที่สองที่สวีเดน ฟินแลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ ก่อนจะกลับมาแสดงในประเทศไทยและประกาศยุบวงดิอิมพอสซิเบิ้ลในเดือน เม.ย.2519

อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นดิอิมพอสซิเบิ้ลยังกลับมารวมตัวกันแสดงคอนเสิร์ตอยู่บ้างตามคำเรียกร้องของแฟนเพลง อีกทั้งยังออกไปแสดงยังต่างประเทศอีกด้วย จนสุดท้ายในเดือน ต.ค.2519 ดิอิมพอสซิเบิ้ลตระเวนแสดงคอนเสิร์ตตามไนท์คลับชื่อดังเป็นเวลา 14 วัน ถือเป็นการทิ้งทวนก่อนปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่และสมาชิกวงดิอิมพอสซิเบิ้ล 3 คนสุดท้าย ได้แก่ ต้อย-เศรษฐา, วินัย พันธุรักษ์ และพิชัย ทองเนียม ได้เปิดการแสดงคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของดิอิมพอสซิเบิ้ลเมื่อวันที่ 30 ต.ค.2561 ที่พารากอนฮอลล์ สยามพารากอน เป็นการปิดตำนานวงดิอิมพอสซิเบิ้ลอย่างเป็นทางการ ตอนนั้นต้อย-เศรษฐากล่าวไว้ว่า “จะเป็นการแสดงครั้งสุดท้ายของวงดิอิมพอสซิเบิ้ลอย่างแน่นอน เพราะตอนนี้เหลือเราแค่ 3 คนเท่านั้น นอกนั้นก็จากไปหมดแล้ว เราจึงน่าจะปิดตำนานดิอิมกันเสียที ถ้าใครยังมีแรงจะแสดงอยู่อีกก็จะไม่ใช่ดิอิมพอสซิเบิ้ลแล้ว บางคนบอกว่าเราเป็นตำนานไปแล้ว ยังไงก็ปิดหรือจบไม่ได้ ก็ขอบคุณนะครับที่ยกให้พวกเราเป็นตำนาน แต่เมื่อมีเริ่มก็ต้องมีจบ เราจบเสียตั้งแต่ตอนที่พวกเรา 3 คนสุดท้ายยังมีแรงบอกลาแฟนๆ บนเวทีน่าจะดีกว่าไม่มีโอกาสบอกลาเลย”

ด้านวินัย พันธุรักษ์ สมาชิกวงดิอิมพอสซิเบิ้ล เพื่อนสนิทของเศรษฐาเปิดเผยความรู้สึกถึงการจากไปของเพื่อนรักว่า ทราบข่าวต้อย-เศรษฐา เมื่อตอน 6 โมงเช้า รู้สึกเสียใจ ใจหาย และเสียดาย เพราะเราทำงานร่วมกัน ผูกพันกันมากว่า 50 ปี ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาเรียกว่าแทบค่อนชีวิต สร้างชื่อเสียง สร้างชีวิต สร้างรากฐานมาด้วยกัน การสูญเสียครั้งนี้เหมือนกับการสูญเสียพี่น้องแท้ๆในครอบครัว ตั้งแต่ทราบว่าต้อย-เศรษฐาล้มป่วย ตนก็ใจไม่ค่อยดีและเป็นกำลังใจให้กันมาตลอด เพิ่งมีโอกาสได้พูดคุยกับต้อยเมื่อ 3 วันก่อนหน้านี้ เพราะเปี๊ยก-อรัญญาโทรศัพท์มาบอกว่าต้อยไม่ยอมทานข้าวมาหลายวัน อยากให้ช่วยพูดกระตุ้นให้หน่อย ตนบอกต้อยให้กินข้าวด้วย ต้อยก็รับปากว่าครับผมๆ จนมาทราบข่าวเศร้า นับเป็นการจากไปของสมาชิกคนที่ 5 ของวงดิอิมพอสซิเบิ้ล ยังเหลือตน และพิชัย ทองเนียม ส่วนความประทับใจที่มีต่อต้อย-เศรษฐา เป็นคนโอบอ้อมอารี มีปฏิภาณไหวพริบ มีความรับผิดชอบ ดูแลน้องๆและเพื่อนๆอย่างดีเสมอมา เมื่อ ครั้งที่ตนล้มป่วยเมื่อ 4-5 ปีก่อน ต้อยก็เป็นกำลังใจและดูแลอย่างดี ในวันที่ 21 ก.พ. จะไปรับศพที่ รพ. จุฬาภรณ์ และไปร่วมพิธีที่วัดเทพศิรินทราวาส เพื่อเป็นให้กำลังใจให้ครอบครัวและภรรยาของเพื่อนรัก

Adblock test (Why?)

อ่านบทความและอื่น ๆ ( อาลัย "ต้อย-เศรษฐา" "มะเร็งปอด" คร่าในวัย 77 ปี ตํานานนักร้อง-นักแสดง (คลิป) - ไทยรัฐ )
https://ift.tt/0lxNnUv
บันเทิง

Bagikan Berita Ini

0 Response to "อาลัย "ต้อย-เศรษฐา" "มะเร็งปอด" คร่าในวัย 77 ปี ตํานานนักร้อง-นักแสดง (คลิป) - ไทยรัฐ"

Post a Comment

Powered by Blogger.