ท้าทายตัวเองกับบทบาทใหม่ๆเสมอ พระเอกฮอตมากฝีมือ “ต่อ–ธนภพ ลีรัตนขจร” ยอมรับว่าฟินและสะใจทุกครั้งที่ผ่านบทยากๆ ล่าสุดกับบท “บอส” หนุ่มเพลย์บอยเจ้าของบาร์ในเมืองนิวยอร์ก เดินทางพา “อู๊ด” (ไอซ์ซึ–ณัฐรัตน์) เพื่อนรักที่กำลังป่วยด้วยโรคร้ายและอาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ออกตามหาแฟนเก่าที่อยากขอบคุณและขอโทษเป็นครั้งสุดท้ายในภาพ ยนตร์ “One for the Road วันสุดท้าย...ก่อนบายเธอ” กำกับโดย “บาส–นัฐวุฒิ พูนพิริยะ” และทีมนักแสดงมากฝีมือดูแลงานสร้างโดย “หว่องกาไว” พร้อมฉาย 10 ก.พ.นี้ ในโรงภาพยนตร์
งานนี้ต่อสวมบทหนุ่มแบดบอยเต็มขั้น ร้อนแรงกับฉากเลิฟซีนแบบที่แฟนๆไม่เคยเห็นมาก่อน “ต่อ” เล่าว่า “มันอาจจะดูแบดแต่ก็แบดอย่างมีเหตุผล พลิกบทบาทที่ไม่เคยเล่น ผมไม่เคยมาโทนนี้เป็นครั้งแรกที่ฉีกบทบาทแต่เป็นการฉีกที่ต่างจากบทอื่นๆ บทนี้คือการฉีกและกดให้มันอยู่กับความธรรมดา เป็นมนุษย์จริงๆ ตอนผมแคสเรื่องนี้ ผมคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ มันยากไปสำหรับผมในวันนั้น มันไกลตัวผมมากๆ มันมีความเป็นคนชีวิตกลางคืน แต่ผมไม่ได้ใช้ชีวิตทางนั้นเลย และที่ผ่านมาก็ไม่เคยรับบทที่มีชีวิตพาร์ตนี้ กลัวจะเป็นเค้าได้ไม่ดี”
แฟนๆฮือฮาไม่เคยเห็นบทแบบนี้?
“ที่ผมกล้าเล่นเพราะเราเห็นเนื้อเรื่องทั้งเรื่องและเราเห็นต้นสายปลายเหตุและอะไรที่ทำให้เป็นแบบนี้ ในเรื่องมันจะเฉลย”
สิ่งที่ต่อต้องเตรียมตัวเพื่อบทนี้มีอะไรบ้าง?
“มีเรื่องการแสดงที่ต้องเก่งขึ้นเพราะทีมนักแสดงโหดมาก เล่นเก่งมากจริงๆ เรื่องวิชาชีพใหม่ๆกับการเป็นบาร์เทนเดอร์ และมีเรื่องสถาบันครอบครัวที่ต้องทำการบ้าน และพัฒนาการของตัวละครที่ต้องเห็นชัด เพราะเรื่องนี้เล่าหลายวัย เป็นช่วงอายุที่เล่นแล้วกว้างที่สุดประมาณอายุ 18-36 ปี ต้องทำให้ชัดและสมูธ ก็เป็นพาร์ตที่ผมแฮปปี้ และเรื่องการเพิ่มน้ำหนักที่ผมอยากลดไปด้วยกันกับพี่ไอซ์ซึจริงๆ”
เวลาเราเห็นตัวเองในลุคในหนังรู้สึกยังไง?
“ตอนนั้นพอใจมาก เพราะมันดูเปลี่ยนจริงๆ ผมใส่เสื้อเปลี่ยนไซส์เลย”
ที่บอกว่าหนังเรื่องนี้บทยากจนทำให้ต่อเครียดจนต้องใช้คำว่าช่างแม่ง?
“ผมโดนทักเรื่องนี้มาบ่อยมาก ว่าถ้าแก้ได้อยากให้แก้ เครียดมากก็ไม่ดี ให้เราปล่อย ตอนเราโดนเตือนเราก็รู้สึกว่าเราปล่อยอยู่ แต่ความจริงคือไม่จริง จนมีเหตุการณ์ที่มาบีบเราว่ามันไม่ได้จริงๆ ไม่มีทางอื่นนอกจากช่างแม่ง ไม่งั้นทำงานต่อไม่ได้ พอผมข้ามไปได้แล้ว มันก็อ้าวได้แล้วเหรอ หามาตั้งนานไม่ได้ซะที ฟังดูเหมือนง่ายแต่กับบางคนก็ไม่ง่าย เปิดประตูการแสดงใหม่ๆผมอีกค่อนข้างเยอะเลย”
แค่ตัวอย่างแฟนๆก็กรี๊ดกับเลิฟซีนเดือดแบบที่ไม่เคยเห็นต่อเล่น?
“มันคงเป็นความไม่ถนัดของผมที่จะทำสิ่งนี้เวลาเราทำต่อหน้าคนอื่น แต่พอเป็นเรื่องนี้ถามว่าทำไมถึงยอม หนึ่งเลยคือเรื่องนี้มันไม่ใช่แนวเซ็กซ์ชวล อยากให้ลองดูหนังจริงๆ จะรู้ว่าทำไมผมถึงเต็มที่กับสิ่งนี้ได้ บวกกับระยะเวลาที่ทำอาชีพนี้มามันได้เวลาแล้วล่ะที่บอกได้ว่าสิ่งที่ทำนี่คือคาแรกเจอร์จริงๆ ผมมองว่าคนที่ติดตามผลงานผมเค้าน่าจะไม่ไขว้เขวหรอก”
มีแฟนๆที่รับไม่ได้หรือหวงมั้ย หรือยิ่งชอบการเติบโตนี้?
“ผมไม่เจอคอมเมนต์แนวรับไม่ได้นะ เรื่องหวงคงเป็นเรื่องปกติในมุมของแฟนๆ ก็จะบอกว่าร้อนแรงนะ หวงนะ หวงได้มั้ย แต่สุดท้ายแล้วผมเข้าใจในทุกๆ คอมเมนต์นะว่าเค้าเข้าใจสิ่งที่เราทำ อาจจะขอแซวซะหน่อย ไม่ค่อยได้เจอกัน”
สิ่งที่ได้กลับมาจากการเล่นบทนี้?
“ผมว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นสิ่งพิเศษสำหรับผม ตอนถ่ายมันยากจนไม่รู้เลยว่าได้อะไร มันโหดมาก แต่พอถ่ายจบเท่านั้นแหละ มันเหมือนประสบ การณ์ที่พี่บาสให้ผมมา กลายเป็นผมเข้าใจนักแสดงที่เคยร่วมงานกับพี่บาสว่าทำไมเค้าถึงได้ขอบคุณพี่บาสจนถึงทุกวันนี้ ผมเองก็ได้รับสิ่งนั้น เป็นประสบการณ์ที่หาได้ยาก มันทำให้เราโตขึ้น เราโชกโชนขึ้นแบบที่เราไม่รู้ตัวตอนถ่าย มารู้ตอนที่เราไปทำโปรเจกต์ต่อไปทำให้รู้เลยว่าเราพร้อมเจออะไรที่คาดไม่ถึงอีกเยอะ หนังเรื่องนี้ถ่ายเสร็จมาแล้ว 3 ปี จากนั้นผมไปเล่นละครขอเกิดใหม่ใกล้ๆเธอกับพี่แอฟ-ทักษอร ทำให้รีแลกซ์ และไปแคสหนังโกสต์แล็บก็ทำให้ผมได้บทที่ผู้กำกับไม่คาดหวังให้ผมเล่น ต้องขอบคุณพี่บาสมากๆ และสิ่งที่ได้จากเรื่องนี้มันทำให้ผมเห็นเวลาที่ใครๆพูดว่าครอบครัวเป็นสถาบันที่สำคัญที่สุด มันยิ่งตอกย้ำเข้าไปในใจผมมาก มันเป็นพลังงาน เป็นจุดเริ่มต้น เป็นทุกอย่างๆของเรา”
ใกล้วันเกิดวันที่ 14 ก.พ.แล้วด้วย ตั้งเป้าอะไรกับตัวเองในวัยที่โตขึ้นอีกมั้ย?
“ผมไม่ค่อยตั้งเป้าหมายเล็กๆนะครับ เพราะผมรู้สึกว่าผมก็ใช้ชีวิตมาถึงจุดที่ยอมรับว่าเราโตแต่ไม่ถึงกับแก่ ผมโตพอที่รู้สึกว่ารอได้ เป้าหมายที่ผมสร้างขึ้นไม่ได้ต้องมีจุดเดียว ผมอาจจะมีเป้าหมายตรงนั้นตรงนี้ แล้วผมแค่ปล่อยให้ชีวิตผมไปเรื่อยๆอย่างมุ่งมั่น เรื่องเป้าหมายรายปีเป็นเรื่องที่เราต้องมอง แต่เรามองเรื่องความฝันว่าอะไรที่เราอยากเป็น อยากมี ถ้าเรามีเราก็พอนะ อยากทำให้ครอบครัวเรามีสิ่งนี้ถ้ามีแล้วที่เหลืออาจจะไม่สำคัญก็ได้ โควิด-19 มันสอนเราว่าทุกอย่างมันไม่แน่นอน ทำให้ผมรู้ถึงความลำบากพ่อแม่ที่ผ่านวิกฤติ รวมทั้งของคนที่ผ่านวิกฤติ เป้าหมายครอบครัวคงเป็นเรื่องความมั่นคง”
วันเกิดทุกปีให้ของขวัญตัวเองมั้ย?
“ไม่ค่อยให้เลยครับ ผมไม่ได้ซีเรียสกับวันสำคัญเท่าไหร่ พอวันเกิดผมเป็นวันวาเลนไทน์ ผมไม่ค่อยโฟกัสวันเกิดตัวเอง เป็นวันที่คนอื่นเอาไปใช้ความสำคัญอย่างอื่นมากกว่า ผมเป็นคนให้รางวัลตัวเองนะแต่ไม่ใช่วันสำคัญที่ทุกคนรู้ แต่เป็นวันสำคัญของผม โอเคมันเป็นวันพิเศษสำหรับผม แต่ผมก็ส่งต่อความรักให้ทุกคนด้วยได้ ไม่ได้ติดว่าทุกคนต้องมาส่งให้เรามั้ย”
แฟนๆก็ไม่เคยลืมและมีโปรเจกต์ซัพพอร์ตเสมอ?
“ต้องขอบคุณพวกเค้า เพราะผมก็เจอศึกหนักมาหลายอย่างทั้งที่คนรู้หรือไม่รู้ ไม่ง่ายนะ ถ้าเราไม่มีการซัพพอร์ตจากคนที่รักเรา เราก็ไม่แน่ใจว่าเราจะยืนไหวถึงเมื่อไหร่ ทุกวันนี้ที่ผมพยายามทำงานเพื่อเป็นกำลังใจให้คนอื่น เพราะผมเชื่อว่ากำลังใจมันสำคัญในการใช้ชีวิต ทุกคนต้องการกำลังใจ”
ความรักตอนนี้เป็นไงบ้าง?
“ปกติดีครับ ทุกวันนี้ผมไม่ได้ปิดบังนะแต่เพราะมันก็ดีจนรู้สึกว่าไม่ได้อยากโชว์อะไรหรือทำอะไร”.
https://ift.tt/2bIF6Ys
บันเทิง
Bagikan Berita Ini
0 Response to "“ต่อ” พลิกรับบทเพลย์บอยมีเหตุผล เข้าใจแฟนๆหวง วันเกิดไม่มีของขวัญพิเศษ - ไทยรัฐ"
Post a Comment