นับตั้งแต่จีนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่มีความเข้มงวด ผู้คนก็เริ่มพูดคุยกันถึงกลยุทธ์การอพยพออกจากฮ่องกง มีชาวฮ่องกงมากถึง 3 ล้านคนที่สามารถอพยพออกไปได้โดยใช้หนังสือเดินทางสัญชาติบริติชโพ้นทะเล (British National Overseas--BNO) พวกเขาจะเลือกใช้แนวทางนี้อพยพออกไปจริง ๆ หรือไม่ แล้วคนที่เหลืออยู่จะทำอย่างไร
ไมเคิลและเซเรนา ตัดสินใจเดินทางออกจากฮ่องกงเป็นการถาวร และไปลงหลักปักฐานในสหราชอาณาจักร ประเทศที่พวกเขาไม่เคยย่างเท้าไปเหยียบ
สามีภรรยาคู่นี้มีหนังสือเดินทาง BNO ซึ่งออกให้กับชาวฮ่องกงที่ลงทะเบียนก่อนที่จะมีการส่งมอบฮ่องกงคืนให้แก่จีนในเดือน ก.ค. 1997
หนังสือเดินทางประเภทนี้มอบสิทธิ์ในการได้รับความช่วยเหลือด้านกงสุลหลายอย่าง สำหรับหลายคนการนำหนังสือเดินทางนี้ไปใช้ประโยชน์ดูเหมือนจะมีข้อจำกัดอยู่มาก แต่มันก็ช่วยให้เดินทางเข้าสหราชอาณาจักรและยุโรปได้ง่ายขึ้น
คนบางส่วนจึงสมัครขอหนังสือเดินทางนี้ไว้ ชาวฮ่องกงจำนวนมากอาจจะคิดว่า ทำไมจะไม่ขอไว้ล่ะ
ไมเคิลและเซเรนา เดินทางออกจากฮ่องกงพร้อมกับลูกสาววัย 13 ปี พวกเขาเป็นผู้จัดการธนาคาร และซื้อแฟลตหลังหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน การเดินทางออกมาจึงมีหลายอย่างที่ต้องสละทิ้ง
พวกเขาบอกว่า ฮ่องกงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว หลังจากต้องเผชิญกับการประท้วงยืดเยื้อนานหลายเดือนที่มีชนวนมาจากร่างกฎหมายที่เสนอให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ได้ สิ่งที่สามีภรรยาคู่นี้มองเห็นคือ รัฐบาลที่ไม่ฟังเสียงประชาชน และตำรวจที่ใช้กำลังกับประชาชนโดยไม่มีการยับยั้ง
ลูกสาวของพวกเขาได้รับผลกระทบอย่างมากจากการประท้วง แม้ว่าทางครอบครัวไม่ได้เข้าร่วมการประท้วงเพราะทั้งสองคนทำงานที่ธนาคารของจีนแห่งหนึ่ง ซึ่งพนักงานจะถูกไล่ออกหากเข้าร่วมประท้วง
"ลูกโกรธและหงุดหงิดมาก เธอถาม ลูกถามตลอดว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ทางการถึงทำกับเราอย่างนั้น" เซเรนาเล่า เธอบอกว่าลูกสาวบอกกับเธอและสามีว่า ลูกอยากไปเรียนต่างประเทศ
กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์และมีผลบังคับใช้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คือฟางเส้นสุดท้าย
"หลายมาตราของกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติมีความรุนแรงมาก" ไมเคิลกล่าว เซเรนาบอกว่า เธอไม่เชื่อ คำกล่าวอ้างของรัฐบาลจีนที่บอกว่า กฎหมายนี้พุ่งเป้าไปที่ "คนเพียงจำนวนน้อย" เท่านั้น
ขณะนี้ สหราชอาณาจักรต้องการมอบสิทธิพลเมืองให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทาง BNO หลังจากย้ายมาพำนักนาน 6 ปี โดยระบุว่า จีนได้ละเมิดปฏิญญาร่วมกันระหว่างจีนและอังกฤษ ด้วยการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งละเมิดการปกครองตนเองในระดับสูงของฮ่องกง และรุกล้ำเสรีภาพของชาวฮ่องกง
เดิมที ไมเคิลและเซเรนามีแผนที่จะส่งลูกสาวไปเรียนต่างประเทศเท่านั้น แต่ตอนนี้ทางเลือกแรกของพวกเขาคือ การตัดสินใจย้ายไปอยู่สหราชอาณาจักรด้วยกันทั้งครอบครัว เมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว พวกเขาได้ต่ออายุหนังสือเดินทาง BNO ที่หมดอายุนานแล้ว โดยคิดว่ามันอาจจะเป็นประโยชน์ เมื่อประเมินแล้วว่าอนาคตมีความไม่แน่นอน
"ผมคิดว่า สหราชอาณาจักรจะมอบสัญชาติให้กับผู้ถือหนังสือเดินทาง BNO เป็นทางเลือกสุดท้าย ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นในเร็ววัน แต่แล้วก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างฉับพลัน"
นับตั้งแต่จีนประกาศกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ เรื่องราวทำนองเดียวกันกับไมเคิลและเซเรนา ก็กลายเป็นเรื่องธรรมดา
คนที่ไม่มีหนังสือเดินทาง BNO
ปัจจุบัน มีผู้ถือหนังสือเดินทาง BNO ราว 350,000 คน ในฮ่องกง และรัฐบาลสหราชอาณาจักรประเมินว่า มีผู้มีหนังสือเดินทางนื้ทั้งหมดรวม 2.9 ล้านคน
ชาวฮ่องกงที่เกิดหลังจากการส่งมอบฮ่องกงในปี 1997 ไม่มีสิทธิ์ได้รับหนังสือเดินทาง BNO และผู้ที่ไม่ได้สมัครขอหนังสือเดินทางประเภทนี้ก่อนการส่งมอบ ก็จะไม่สามารถสมัครขอได้ในตอนนี้
เฮเลน เกิดปี 1997 ก่อนการส่งมอบ แต่พ่อแม่ของเธอไม่ได้สมัครขอหนังสือเดินทางนี้ให้เธอ เพราะเธอยังเป็นทารกอยู่
"ฉันไม่แน่ใจว่า อยากจะไปหรือเปล่า แต่นี่คือสิทธิ์ของฉัน เมื่อเทียบกับสหราชอาณาจักรแล้ว ฉันชอบฮ่องกงมากกว่า แต่ฉันควรมีหนังสือเดินทาง BNO" เธอกล่าว เธอยอมรับว่า เธอตำหนิพ่อแม่เล็กน้อยที่ไม่สมัครขอหนังสือเดินทางนี้ให้ในตอนนั้น
เป็นเรื่องยากที่จะประเมินจำนวนชาวฮ่องกงที่จะรับข้อเสนอของสหราชอาณาจักรในขณะนี้ แต่กำลังมีคนให้ความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากสหราชอาณาจักรประกาศข้อเสนอนี้เมื่อวันที่ 1 ก.ค.
นายดอมินิก ราบ รัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักรกล่าวในวันนั้นว่า "เราจะไม่เพิกเฉยต่อเรื่องที่เกิดกับฮ่องกง แล้วเราก็จะไม่เลี่ยงความรับผิดชอบทางประวัติศาสตร์ของเราที่มีต่อประชาชนชาวฮ่องกง"
เบน อวี ซึ่งทำงานด้านให้คำปรึกษาการย้ายถิ่นฐานในสหราชอาณาจักร กล่าวว่า "เพื่อนร่วมงานที่อยู่ในฮ่องกงของผม ได้รับข้อความทางเฟซบุ๊ก 30-40 ข้อความต่อวัน วอตส์แอปป์ของเขาได้รับข้อความหลายร้อยข้อความที่ถามเกี่ยวกับการย้ายไปสหราชอาณาจักรโดยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้หนังสือเดินทาง BNO ข้อความเข้ามาตลอดเวลาไม่หยุดเลยตั้งแต่ตอนนั้น"
ความวุ่นวายทางการเมืองในฮ่องกงดูเหมือนจะทำให้มีคนต่ออายุหนังสือเดินทาง BNO เพิ่มขึ้น ในปี 2018 มีหนังสือเดินทาง BNO หมุนเวียนอยู่ราว 170,000 เล่ม ปีถัดมาตัวเลขนี้พุ่งขึ้นไปอยู่ที่มากกว่า 310,000 เล่ม
ในสมัยอาณานิคม ฮ่องกงถูกเรียกว่าเป็นพื้นที่ที่ขอยืมในช่วงเวลาหนึ่ง และการอพยพออกไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ระหว่างปี 1984 ถึง 1997 มีคนอพยพออกจากฮ่องกงระหว่าง 20,000 ถึง 66,000 คนต่อปี
การอพยพระลอกใหญ่นี้น่าจะแตกต่างจากในอดีต
"คนจำนวนมากกลับเข้ามาฮ่องกง ทั้งก่อนปี 1997 และหลังปี 1997 เมื่อพวกเขาหาทางออกที่ปลอดภัยให้กับตัวเองได้ เมื่อมีหนังสือเดินทางต่างชาติ เมื่อพวกเขาเห็นว่าฝันร้ายทางการเมืองไม่ได้เกิดขึ้นอย่างที่ถูกทำนายไว้" ศาสตราจารย์หมิง ซิง ซึ่งสอนด้านการเมืองที่มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของฮ่องกง กล่าว
"สำหรับการอพยพระลอกปัจจุบัน ถ้าเกิดขึ้น ผมเดาว่า เราจะเห็นสัดส่วนคนที่ตีตั๋วขาเดียวจำนวนมากขึ้น" เขากล่าว
"คนจำนวนมากเห็นว่า การออกกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งถูกบังคับใช้มาจากระดับสูงสุด ไม่ได้แค่มีความเข้มงวดโดยตัวมันเอง แต่ยังสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลจีนยึดมั่นในคำสัญญาของตัวเอง ไม่ใช่แค่ความล้มเหลวของจีนในการคุ้มครองเสรีภาพของฮ่องกงภายใต้ปฏิญญาร่วมและภายใต้กฎหมายพื้นฐานเท่านั้น" เขากล่าวและคาดว่าจะมีคนหนุ่มสาวโดยเฉพาะคนที่ออกมาประท้วง อพยพออกจากฮ่องกงมากขึ้น
จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
ในเมืองที่มีประชากร 7.5 ล้านคน ในจำนวนนี้ราว 800,000 คนรวมถึงชาวต่างชาติที่ทำงานในฮ่องกงถือหนังสือเดินทางอังกฤษ, ออสเตรเลีย, แคนาดา หรืออเมริกา
รัฐบาลจีนแสดงความไม่พอใจต่อแผนการของสหราชอาณาจักรที่เสนอมอบสัญชาติให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทาง BNO ในฮ่องกง นายหลิว เสี่ยวหมิง ทูตจีนประจำสหราชอาณาจักร กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า การกระทำดังกล่าว ถือเป็น "การแทรกแซงในกิจการภายในของจีนอย่างไม่อาจยอมรับได้"
"ผู้ใดก็ตามไม่ควรประเมินความแน่วแน่ของจีนต่ำเกินไป ในการปกป้องอธิปไตย ความมั่นคง และผลประโยชน์ในการพัฒนาของจีน" เขากล่าว
สถานทูตจีนยังระบุในแถลงการณ์ด้วยว่า "เพื่อนร่วมชาติชาวจีนทุกคนที่อาศัยอยู่ในฮ่องกงเป็นคนสัญชาติจีน"
ในการให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้กับ ITV ดอมินิก ราบ รัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักร กล่าวว่า สหราชอาณาจักรแทบไม่อาจทำอะไรได้ ถ้าจีนไม่อนุญาตให้ชาวฮ่องกงมาสหราชอาณาจักร
ไซมอน ยัง นักวิชาการด้านกฎหมาย ที่มหาวิทยาลัยฮ่องกง กล่าวว่า "เป็นเรื่องยากที่จะทำนายถึงผลที่จะตามมาที่รัฐบาลจีนคิดไว้ในใจ บางทีอาจจะเป็นเรื่องทางการทูตในรูปแบบของมาตรการตอบโต้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำในรูปแบบเดียวกัน แต่สัดส่วนต้องเหมาะสม"
เบเนดิกต์ โรเจอร์ส ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกลุ่มฮ่องกงวอทช์ เรียกข้อเสนอ BNO ของสหราชอาณาจักรว่า ว่า "ใจกว้าง กล้าหาญ และเป็นมิตร"
แต่นายโรเจอร์สกล่าวว่า มาตรการช่วยเหลือควรจะเป็นทางเลือกสุดท้าย "เราควรพยายามทำให้มีการปฏิบัติตามเงื่อนไข และชาวฮ่องกงก็สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างมีเสรีภาพตามที่ได้มีการรับปากไว้ โดยไม่ต้องอพยพออกจากบ้านของตัวเอง แต่ความเป็นจริงในตอนนี้สำหรับคนบางส่วนคือ มันสายเกินไปแล้ว และพวกเขาจำเป็นต้องหาที่หลบภัย"
ไมเคิลและเซเรนา กำลังเตรียมตัวไปใช้ชีวิตใหม่ในต่างประเทศ แต่พวกเขาไม่สามารถเกลี้ยกล่อมให้ลูกชายคนโตที่กำลังจะอายุ 18 ปี เดินทางไปด้วยได้ เขาจะใช้ชีวิตอยู่กับปู่ย่าตายายหลังจากคนในครอบครัวคนอื่น ๆ อพยพออกไปจากฮ่อง
"ลูกชายของฉันไม่อยากออกจากฮ่องกง เพราะเขาคิดว่าฮ่องกงเป็นของเขา" เซเรนากล่าว
ชื่อบางชื่อเป็นชื่อสมมุติ
July 15, 2020 at 08:52AM
https://ift.tt/2Os9XpK
กฎหมายความมั่นคงฮ่องกง: ทำไมเราจึงถือหนังสือเดินทางพิเศษและอพยพออกจากบ้านเกิด - บีบีซีไทย
https://ift.tt/3dDNfpA
Bagikan Berita Ini
0 Response to "กฎหมายความมั่นคงฮ่องกง: ทำไมเราจึงถือหนังสือเดินทางพิเศษและอพยพออกจากบ้านเกิด - บีบีซีไทย"
Post a Comment